20 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าทึ่งและสวยงาม
1. Zhangye Danxia landform in Gansu, China
ภูเขาสีรุ้ง หรือ
ภูเขาหลากสีในเขตมณฑลกันซู่ ประเทศจีน
เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะที่สรรสร้างด้วยฝีมือ
ธรรมชาติโดยแท้ ภาพภูเขหลากหลายสีสันตรงนี้ เกิดจากการตกตะกอนของหินทราย
และแร่ธาตุในบริเวณนี้ทับถมกันมานานกว่า 24 ล้านปีนั่นเอง
2. The swing at the “End of the World” in Baños, Ecuador
ภูเขาไฟที่ยังครุกรุ่นอยู่
ยังไม่ดับสนิท แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ประเทศเอกวาดอร์
การมาชมภูเขาไฟที่นี่ไม่ธรรมดา
จะมีการชมวิวภูเขาไฟที่ไหนที่ตื่นเต้นได้มากกว่านี้อีกไหม?
ไกวชิงช้าที่ผูกไว้ในบ้านต้นไม้ออกไปที่หน้าผาเพื่อรับรู้ความรู้สึกของ
ธรรมชาติ ความสูงเสียดฟ้า ไม่มีเข็มขัดนิรภัยให้อึดอัด
รับรองว่าเสียวไปถึงสันหลัง
3. The Great Blue Hole in Belize
หลุมยักษ์น้ำเงินครามแห่งเบลิซ
ประเทศนี้อยู่บนฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง ริมทะเลแคริบเบียน
หลุมนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งเบลิซประมาณ 60 ไมล์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 984 ฟุต
กับความลึกประมาณ 410 ฟุต
เชื่อกันว่าหลุมนี้เป็นหลุมกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
สันนิษฐานกันว่ามันก่อตัวขึ้นในยุคน้ำแข็ง แถมหลุมนี้ยังเป็น 1 ใน 7
หลุมที่นักประดาน้ำจัดอันดับสถานที่น่าดำน้ำที่สุดในโลกอีกด้วย
4. Tulip fields in the Netherlands
ทุ่งดอกทิวลิปในเนเธอร์แลนด์ได้ชื่อ
ว่าเป็นทุ่งดอกไม้แห่งยุโรป หลายร้อยกี่หลายพันไร่ที่นี่เต็มไปด้วยทิวลิป
หากมองจากภาพมุมสูงจะเหมือนว่าพื้นดินตรงที่ปลูกดอกไม้เป็นพรมชั้นดีที่มี
สีสันหลากหลายสดใสตระการตา
ที่นี่นอกจากเป็นแหล่งปลูกดอกไม้ที่ยิ่งใหญ่ของโลก
ยังเป็นแหล่งค้าขายดอกไม้ส่งออกทั่วโลกเป็นอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย
5. The Hang Son Doong cave in Quang Binh Province, Vietnam
Son Doong
เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke
Bang เขต Bo Trach จังหวัด Quang Binh ประเทศเวียดนาม
ใกล้พรมแดนระหว่างประเทศเวียดนามกับลาว โถงที่ใหญ่ที่สุดภายในถ้ำซันดองนี้
ยาวกว่า 4,000 เมตร กว้างกว่า 200 เมตร และสูงกว่า 150 เมตร
คาดว่าถ้ำนี้มีมาตั้งแต่ 2-5 ล้านปีที่แล้ว
6. Hitachi Seaside Park in Hitachinaka, Ibaraki, Japan
ยิ่งกว่าเทพนิยาย "Hitachi Seaside
Park" หรือ สวน “Hitachi Nakakoen” เป็นสวนที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น
มีขนาดกว่า 153 เฮกเตอร์ ดอกไม้ที่ปลูกที่นี่มีความสวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจ
เพราะในแต่ละฤดูกาล ทางสวนจะมีการปลูกดอกไม้ที่แตกต่างกันออกไป
ไฮไลท์คือการมาถึงเนินเขาที่เต็มไปด้วย ดอก“Nemophilia”
ซึ่งเป็นดอกไม้สีฟ้าขนาดเล็กสวยเหมือนในนิทาน 4.5 ล้านดอกเรียงๆ
กันอย่างอลังการ
7. Mendenhall Ice Caves of Juneau in Alaska, United States
อุโมงค์น้ำแข็ง อลาสก้า ยาวกว่า 12
ไมล์ หรือ 19 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่หุบเขา Mendenhall
ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง Juneau รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
ก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่จำนวนมหึมา แขวนตัวลอยอยู่ในอากาศ
น้ำแข็งบางส่วนที่ละลายสร้างธารน้ำไหลลอดลงสู่โตรกหินด้านล่าง
เป็นความอลังการจากธรรมชาติจริงๆ
8. Mount Roraima in Venezuela, Brazil, and Guyana
ภูเขา Roraima สูงเสียดฟ้าแห่งนี้
เกิดจาดการก่อตัวทางธรณีวิทยาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเมื่อประมาณ 2
พันล้านปีที่ผ่านมา ตั้งอยู่เป็นชายแดนระหว่าง 3 ประเทศ คือ บราซิล,
กายอานา และเวเนซุเอลา
9. Ancient Region of Anatolia in Cappadocia, Turkey
คัปปาโดเกีย (Cappadocia)
เมืองมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี
เป็นเมืองที่ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก เมื่อปี
ค.ศ.1985 เป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ
ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว (ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว)
ทำให้ลาวาที่พ่นออกมา
เถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา
เกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวงสารพัดรูปร่าง
เมืองนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม
และเป็นจุดที่ชื่นชอบสำหรับบอลลูนอีกด้วย
10. Sea of Stars on Vaadhoo Island in the Maldives
แสงสวยงามที่ระยิบระยับตามแนวชายหาด
ของมัลดีฟส์ยามค่ำคืนอาจจะเหมือนเป็นแสงจากดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
แต่ที่จริงแล้ว คือ จุลินทรีย์ทางทะเล หรือ
แพลงก์ตอนพืชที่เรืองแสงอยู่ในน้ำนั่นเอง
ทำให้เกิดแสงสีน้ำเงินสวยน่าตื่นตาตื่นใจตามชายหาด
11. Victoria Falls bordering Zimbabwe and Zambia in Africa
เคยเล่นน้ำตกที่เสียวขนาดนี้ไหม? 355
ฟุตจากหน้าผา น้ำตกนี้ตั้งอยู่ที่ชายแดนของประเทศแซมเบีย
และซิมบับเวเป็นน้ำตกที่กว้างที่สุดในทวีปแอฟริกา
นอกจากนี้ที่แซมเบียยังเรียกที่นี่ว่า “สระว่ายน้ำของซาตาน”
ได้ยินเพียงแค่นี้นักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยก็อดที่จะไม่ไปสักครั้งหนึ่ง
ไม่ได้แล้วล่ะ
12. Trolltunga in Hordaland, Norway
Trolltunga
มีความหมายว่าลิ้นของโทรลล์
ด้วยความที่เป็นชะง่อนผาที่มีลักษณะคล้ายกับการแลบลิ้นออกมาจากภูเขาประมาณ
2,000 ฟุตลอยอยู่กลางอากาศแบบนี้นั่นเอง หากยอมปืนเขาที่สูงกว่า 700
เมตรนี้ได้ จะเห็นวิวที่คุ้มค่ากับที่ปืนขึ้นมาแน่นอน เพราะวิวของแม่น้ำ
Ringedalsvatnet สวยอย่างกับภาพวาด แต่ก็ต้องใช้เวลาเดินขึ้นเขาถึง 8-10
ชั่วโมงเลยทีเดียว ที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ช่วงกลางเดือนมิถุนายน
ถึงกลางเดือนกันยายน
13. Whitehaven Beach at Whitsunday Island in Australia
ความขาวของหาดไวท์ฮาเว่น
ที่เป็นหนึ่งในหมู่เกาะวิธซันเดย์อันโด่งดังของออสเตรเลีย
ชายหาดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นชายหาดที่มีทรายขาวละเอียดโดยเม็ดทรายเป็นผลึก
ซิลิการะยิบระยับถึง 98%
ซึ่งเชื่อกันว่าที่มีชายหาดสวยงามขนาดนี้ก็เพราะกระแสน้ำในบริเวณนี้ที่พัด
พาให้ทรายจากทะเลพัดเข้าฝั่งเป็นเวลากว่าหลายล้านปี
นอกจากนี้ทรายที่มีมีลักษณะเฉพาะนอกจากขาวละเอียดสวยงามแล้ว
ยังเป็นทรายที่ไม่เก็บความร้อน
ทำให้เราสามารถเดินชิลล์เท้าเปล่าริมหาดได้อย่างสบายๆ
14. The Grand Canyon in Arizona, United States
หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ
ของโลกก็คือที่นี่ “Grand Canyon”
เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของรัฐอริโซน่า
ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคาสิโนชื่อดังอย่าง ลาสเวกัสประมาณ 3-4 ชั่วโมง
แกรนด์แคนยอนเกิดขึ้นโดยอิทธิพลของแม่น้ำโคโลราโด
ไหลผ่านที่ราบสูงทำให้เกิดการสึกกร่อน พังทลายของหินเป็นเวลา 225
ล้านปีมาแล้ว
ในบริเวณซอกหลืบของหุบเขาน้อยใหญ่ยังมีการค้นพบร่องรอยอารยธรรม
ของชาวอินเดียนแดงโบราณอีกด้วย
15. Marble Caves at General Carrera Lake in Patagonia (Argentina and Chile)
ถ้ำหินอ่อนนี้อยู่ในเขตพื้นที่ของทะเล
สาบการ์เรรา (General Carrera) ทะเลสาบขนาดใหญ่ในเขตภูมิภาคปาตาโกเนีย
(Patagonia) ภูมิภาคที่ตั้งอยู่ปลายใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้
โดยทะเลสาบนั้นระหว่างชายแดนของอาร์เจนตินา และชิลี
เป็นถ้ำที่เกิดจากกระแสน้ำได้กัดเซาะเป็นระยะเวลานับล้านปี
จนภูเขาหินอ่อนเกิดเป็นถ้ำหินอ่อนอันงดงามไม่เหมือนถ้ำแห่งใดในโลก
16. Tunnel of Love in Klevan, Ukraine
อุโมงค์แห่งความรัก (Tunnel of Love)
คืออีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศยูเครน
เป็นอุโมงค์รถไฟที่สร้างขึ้นจากต้นไม้อย่างสวยงามตั้งอยู่ในเขตเมืองเคลเว่น
(Klevan) เมืองเล็กๆ ในจังหวัดริฟเน (Rivne region)
จังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของประเทศยูเครนนั่นเอง
เห็นแบบนี้โรแมนติกอย่าบอกใคร
แนะนำให้เก็บเงินแล้วเตรียมไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี่เลย
17. Salar De Uyuni in the Potosí and Oruro departments of southwest Bolivia
Salar de Uyuni
เป็นทะเลเกลือที่ใหญ่ได้ชื่อว่าเป็น กระจกเงาที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เป็นพื้นที่ราบที่ประกอบด้วยเกลือจำนวนมหาศาลบนเนื้อที่ 10,582
ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลเกลือใหญ่ที่สุดของโลก
อยู่ติดเขตระหว่างสองจังหวัดคือ Potosi และ Oruro
ทางตอนใต้ของประเทศโบลิเวีย ลองมาตอนหน้าฝน
จะเหมือนได้ยืนอยู่ท่ามกลางทะเลที่สะท้อนกับท้องฟ้าราวกับกระจก
18. Enchanted Well at Chapada Diamantina in Bahia, Brazil
ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติ Chapada
Diamantina ในบราซิล น้ำในบ่อนี้ใสราวกับกระจก ถึงแม้จะลึกถึง 120
ฟุตแต่ก็สามารถมองเห็นโขดหินที่อยู่เบื้องล่างได้อย่างเห็นชัด
19. Antelope Canyon in Arizona, United States
หุบเขาแอนทีโลพ เป็น 1
ในสถานที่ยอดนิยม สำหรับนักท่องเที่ยว อยู่ที่เมืองเพจ รัฐอริโซน่า
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้วยภูมิประเทศที่เป็นร่องหินทรายที่ถูกน้ำกัดเซาะและได้ทิ้งร่องรอยการกัด
เซาะที่คล้ายกลับหินผา เกิดจากการพังทลายของชั้นหิน Navajo Sandstone
ซึ่งถูกกัดเซาะอย่างฉับพลันจากกระแสน้ำที่ซัดผ่าน ผสานความแรงจากกระแสลม
พายุฝน ผ่านฤดูกาลต่างๆ ที่นี่กลายเป็น หุบเขาที่อันตรายที่สุด
เนื่องจากบริเวณนั้นอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ตลอดเวลา
และระดับน้ำสามารถสูงถึง 10 เมตรทีเดียว
อีกทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งดึงดูดใจช่างภาพทั่วโลก
เพราะสีสันจากธรรมชาติซึ่งเกิดจากการตกกระทบของแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่าน
ช่องแคบ สะท้อนกับสีของชั้นหิน Navajo Sandstone
เกิดเป็นความสวยงามสุดประทับใจแก่ทุกสายตา
20. Fingal’s Cave on the island of Staffa in Scotland
แม้ว่า ถ้ำฟิงกอล ที่ประเทศสกอตแลนด์
นี้มันอาจจะดูเหมือนเป็นโครงสร้างบล็อกๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น
แต่ความจริงแล้วเสาหินหกเหลี่ยมนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจำนวนมาก
ด้วยสภาพถ้ำที่เป็นโพรงแนวยาว ทำให้ภายในถ้ำเกิดเป็นเสียงสะท้อน
คล้ายเสียงดนตรีได้ด้วย บางทีคนก็เรียกถ้ำนี้ว่า “Cave of melody”
ที่มา : http://www.telepart.net/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=01&No=1383156
No comments:
Post a Comment